Translate

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

สุดแค้น!! พ่อแม่เสีย พี่ชายขายเราให้อยู่กับป้า แต่เมื่อรู้ความจริง(ตอนที่2)


ปีที่เธออายุได้ 16 ปี เธอเป็นนักเรียนเรียนดีลำดับที่ 1 ของห้องในระดับมัธยมปีที่3ที่กำลังจะเลื่อน ชั้นไปเรียนมัธยมปีที่ 4 ส่วนพี่ชายบุญธรรมก็กำลังเรียนจะเลื่อนไปเรียนในระดับมัธยมปีที่ 5
ปีต่อมา พี่ชายบุญธรรมต้องสอบเอ็นทรานส์ พ่อบุญธรรมตัดสินใจเช่าแผงขายผักในตลาด เพื่อหาเงินส่งพี่ชายเรียนต่อ คืนวันนั้น ขณะที่เธอกำลังทำการบ้านอยู่ เกิดรู้สึกหิวน้ำขึ้นมา เธอเดินออกจากห้องเพื่อไปดื่มน้ำที่ห้องรับแขก เธอได้ยินเสียงแว่วออกมาจากห้องของพ่อแม่บุญธรรม
ผมไม่สน ยังไงผมก็ต้องได้เรียนมหาลัย!
แกจะเรียนได้ยังไง นั่นมันไม่ใช่เงินของเรา เสี่ยวเป้ยเรียนดีกว่าแก 
น้องต้องเอ็นฯติดมหาลัยที่ดี
เสียงของพ่อบุญธรรมไม่ดังนักแต่ก็พอที่เธอจะได้ยินอย่างชัดเจน
แม่ไม่มีเงินพอที่จะส่งแกเรียนพร้อมๆกันทั้งสองคนหรอก เราไม่ได้มีเงินมากมาย แกก็รู้
เสียงของแม่บุญธรรมดังขึ้น เสียงของพี่ชายบุญธรรมพูดอะไรอีกมากมาย แต่เธอไม่อยากฟังแล้ว เธอรีบเดินเข้าห้องไปด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ เธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ยังไงก็ต้องให้พี่ชายบุญธรรมเป็นคนเรียน เธอจะไม่ยอมเรียนมหาลัยเป็นเด็ดขาด เมื่อเรียนจบมัธยมเธอจะออกหางานทำ เพราะบุญคุณที่พ่อแม่บุญธรรมมีต่อเธอหลังจากพี่ชายใจดำขายเธอให้กับพวกเขา มันช่างมากมายจนไม่รู้จะทดแทนยังไงให้
หมดได้
พี่ชายบุญธรรมสอบเอ็นฯไม่ติดที่ไหนเลย แต่พี่ชายก็จะขอให้พ่อกับแม่ส่งเรียนมหาลัยเอกชนซึ่งค่าเทอมแพงเหลือเกิน เมื่อตกลงกันไม่ได้ พ่อกับพี่ชายก็ทะเล่ากันอีก
ยังไงพ่อก็จะให้เสี่ยวเป้ยเรียนมหาลัยให้ได้
เสียงของพ่อบุญธรรมดังขึ้น จนพี่ชายต้องเดินหนีออกจากบ้านไป
หนูไม่สอบค่ะพ่อ หัวเด็ดตีนขาดยังไงหนูก็ไม่เรียน!
แม่บุญธรรมเดินเข้ามากอดเธอไว้
เสี่ยวเป้ย ฟังแม่นะ จะยังไงหนูก็ต่อเรียน หนูรู้ไหม พี่เสียวเป่าส่งเงินค่าเทอมมาให้แม่แล้ว อย่าทำให้พี่เขาเสียใจเลยนะ พี่เขาหาเงินมาได้ไม่ง่าย!
เธอยืนงงเหมือนมีอะไรมาตรึงเธอไว้ มันเป็นไปได้ยังไง คนที่ขายเธอให้กับพวกเขานะเหรอ ที่ส่งเงินค่าเรียนมาให้เธอ!
............

ลูกรู้ไหม ทำไมพี่ชายของหนูถึงเอาหนูมาฝากไว้กับพ่อและแม่ ตอนนั้นเสียวเป่าอายุเพียงแค่ 14 ปี เขารู้ว่าเขาไม่สามารถดูแลน้องที่อายุได้เพียง 6 ขวบได้ เขาจึงตัดสินใจขายบ้านเพื่อนำเงินมาฝากเป็นค่าเลี้ยงดูหนูไว้ที่พ่อกับแม่ พี่เขาบอกว่าพ่อกับแม่จะเลี้ยงดูหนูได้ดีกว่าเขา พี่เขาเชื่อว่าพ่อกับแม่จะรักหนูเหมือนกับที่เขารักหนู เช้าวันที่เขาจะจากหนูไป เขานั่งมองหนูหลับเป็นเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนจะบอกพ่อกับแม่ทั้งน้ำตาว่า ป้าครับ ผมจะต้องทำงานหาเงินและเอาดีให้ได้ ถึงวันนั้น ผมจะมารับน้องของผมไปอยู่ด้วย ผมฝากน้องด้วยนะครับ

ตั้งแต่หนูเรียน ป.4 พี่เสียวเป่าก็ส่งเงินมาให้แม่เสมอ พ่อกับแม่ก็ได้เงินของเสียวเป่านั่นแหละที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แม่ขอโทษนะลูก ที่แม่ไม่ได้ให้อะไรกับหนูเลย หนูต้องมาตกระกำลำบากกับแม่แท้ๆ แม่บุญธรรมพูดอะไรต่อไปอีกไม่ได้ ได้แต่กอดเธอร้องไห้ ปีนั้น เธออายุได้ 17 ปีพอดี
พี่ชายของหนูอยู่ที่ไหน? พี่ของหนูเป็นยังไงบ้าง? หนูจะไปหาพี่เสียวเป่า แม่พาหนูไปหาพี่ได้ไหมค่ะ?
คำพูดที่มันอัดแน่นในใจมาเป็นเวลาหลายปี พรั่งพรูออกมาจากปากของเธอ ทำนบแห่งความเกลียดชังมันพังทลายลงมาจนไม่เหลืออีกต่อไป คนที่เธอคิดมาเสมอว่าขายเธอให้กับพ่อแม่บุญธรรม คนที่เธอคิดมาเสมอว่าทิ้งเธอไปโดยไม่ใยดี กลับเป็นคนที่คอยส่งเสียเธอมาโดยตลอดเช่นนั้นหรือ!
พี่เสียวเป่าไม่เคยคิดที่จะทิ้งหนูใช่ไหมคะแม่? พี่ยังรักหนูใช่ไหมคะแม่?
............
เงินที่ส่งมา ต้นทางคือเมืองกวางเจา ไม่มีที่อยู่ ตราประทับของไปรษณีย์เปลี่ยนที่ส่งแบบไม่ค่อยซ้ำกัน เธอตัดสินใจ จะต้องสอบเข้ามหาลัยที่กวางเจาให้ได้ เธอจะไปตามหาพี่ชายที่กวางเจาให้เจอให้ได้ และแล้วเธอก็สอบติดมหาวิทยาลัยในกวางเจา แต่บ้านเมืองที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ เธอจะเริ่มต้นหาพี่ชายจากตรงไหน? 
มันไม่ต่างอะไรจากการงมเข็มในมหาสมุทร

ช่วงเวลานั้น พี่ชายของเธอยังคงส่งเงินค่าเทอมให้เธอ
ไม่ขาดหาย เมื่อเธอเรียนจบ เธอขอพ่อกับแม่หางานทำในเมืองกวางเจา เธอเลือกที่จะทำงานขายประกัน เพราะมันเป็นงานที่สามารถออกไปตามหาลูกค้าในสถานที่ต่างๆได้
ในวันที่ความหวังแสนจะริบหรี่ จู่ๆเธอก็เห็นเรื่องราวของชายซ่อมรถจักรยาน
แขนเดียวที่ถูกแชร์ต่อๆกันมาในเฟซบุ๊ก วินาทีที่เธอเห็นภาพของชายคนนั้น ที่กำลังใช้ปากงับเปลี่ยนยางรถจักยาน เธอก็ตะลึงงัน นั่นมันพี่เสียวเป่าของเธอนี่นา เธอจำแววตาที่เอาจริงเอาจังและคิ้วที่เชิดขึ้นสูงขอพี่ชายได้
ทำไม่พี่เสียวเป่าจึงเหลือแขนแค่ข้างเดียว?
เธออุทานขึ้น จากนั้นก็รีบคลิกเข้าไปอ่านเรื่องราวข้างใน เธออ่านบทความนั้นทีละคำด้วยหัวใจที่แทบจะหยุดเต้น มันทั้งเจ็บปวดและบีบหัวใจของเธอเสียเหลือเกิน
ต่งเสียวเป่า ชายผู้ไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา สูญเสียแขนข้างหนึ่งจากการถูกเครื่องจักรในโรงงานตัดขาดเมื่ออายุได้ 19 ปี จนต้องกลายเป็นคนพิการตามท้องถนน พเนจรร่อนเร่ไปทั่วกวางเจา เก็บของเก่าขายประทังชีวิต ส่งหนังสือพิมพ์ตามบ้าน แจกใบปลิว เก็บหอมรอมริบจนสามารถเช่าแผงขายหนังสือ
และซ่อมรถจักรยานไปด้วย กำลังใจเดียวที่ทำให้ต่งเสียวเป่าสู้มาจนทุกวันนี้ คือน้องสาวคนเดียวอันเป็นสุดที่รักของเขา!

เธออ่านมาถึงตรงนี้ ก็ยกคอมพิวเตอร์ขึ้นมากอดแนบ อกและร้องไห้โฮ ตอนที่เธอเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าแผงขายหนังสือของต่งเสียวเป่า พี่ชายของเธอกำลังเปลี่ยนยางรถจักรยานให้ลูกค้าคนหนึ่งอยู่ เขาใช้ปากและมืออย่างชำนาญการ เพียงครู่เดียว ก็เปลี่ยนยางรถจักรยานให้ลูกค้าเสร็จ
เธอยืนมองพี่ชายที่เหงื่อท่วมกายและใบหน้า เหงื่อที่หยดลงจากใบหน้าของพี่ชายแข่ง
กับหยดน้ำตาของเธอที่ยืนร้องไห้อยู่ด้านหลัง เธอไม่เห็นอาการเหน็ดเหนื่อยของพี่ชายแม้แต่น้อย เธอเห็นเพียงความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว และรอยยิ้มที่มีให้กับลูกค้าชายคนนั้น ภาพนั้นเหมือนกระชากเธอให้กลับไป
เมื่อ 18 ปีที่แล้วอีกครั้ง พี่ชายคนดีที่พาเธอนั่งเล่นม้าหมุนและกินขนมอยู่ในสวนสาธารณะหน้าหมู่บ้าน

คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ? มีอะไรให้ผมช่วยไหม?
ต่งเสียวเป่าถามหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังยืนร้องไห้มองเขาเป็นเวลานาน
เมื่อเขาเพ่งมอง เขาต้องตะลึงตัวชาวาบ หญิงสาวที่สวมชุดสีขาวที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้า 
เขา ณ ตอนนี้
คุณ..คุณ..คือ
ภาพของเด็กผู้หญิงวัย 6 ขวบ ผุดขึ้นในห้วงความคิดของเขา น้ำตาจากไหนก็ไม่รู้หยดลงจากตาหยดแล้วหยดเล่า เขายันตัวเองลุกขึ้นยืนด้วยอาการตัวสั่นเทา
พี่คะ จำหนูได้ไหม หนูคือเสี่ยวเป้ยของพี่ไงคะ
สองพี่น้องโผเข้าหากัน ต่างก็ร้องไห้และกอดกันเป็นเวลานานแสนนาน
เป็นไงกันบ้างค่ะ อ่านแล้ว อยากให้เพื่อนๆลองมองย้อนดูตัวเองว่าที่เราทำ หรือเป็นอยู่เราทำดีแล้วหรือยัง ถ้ายัง..ตอนนี้เรายังมีชีวิตอยู่สามารถปรับเปลี่ยนตัวเองยังทัน ทำให้มันดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เพราะชีวิตคือความไม่แน่นอน โปรดจงดูแลรักษาคนที่เรารักให้ดีๆ
........จบ.......

รายการบล็อกของฉัน