5ประเทศแปลกที่ บูชา อวัยวะเพศชาย
โดยมีความคิดของนักมานุษวิทยาเกี่ยวกับเรื่องการบูชาอวัยวะเพศในสมัยก่อนว่า คนโบราณในอดีตนั้นชอบสังเกตธรรมชาติ จึงมีการบูชา "กระปู๋"
ขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และการเจริญพันธุ์ ดังนั้นด้วยความเชื่อนี้จึงเป็นที่มาของลัทธิบูชา "กระปู๋" (Phallus Worship) ของคนทั่วโลก
ขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และการเจริญพันธุ์ ดังนั้นด้วยความเชื่อนี้จึงเป็นที่มาของลัทธิบูชา "กระปู๋" (Phallus Worship) ของคนทั่วโลก
1.ประเทศกรีก
โดยในประเทศกรีกนั้นมีวิหารไดโอนิซุสบนหมู่เกาะเดลอส (Delos) ซึ่งมีรูปปั้น "กระปู๋" เป็นสัญลักษณ์อยู่หน้าวิหาร เนื่องจากไดโอนิซุสเป็นเทพแห่งไวน์และองุ่นซึ่งเกี่ยวพันกับเรื่องความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
นอกจากนี้พริอาพุส (Priapus)ลูกชายของไดโอนิซุส ซึ่งเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ และเทพแห่งอวัยวะเพศชาย ที่ว่ากันว่ามีขนาดของ "กระปู๋" ใหญ๋โตมหึมา และยังแข็งตลอดเวลาอีกด้วย ดังนั้นจึงเป็นเทพที่ชายหลายคนบูชากันในอดีต
2ประเทศอินเดีย
ในนประเทศอินเดียนั้นมีการบูชาศิวะลึงค์ ที่มีฐานรองเป็นรูปโยนี ซึ่งเป็นตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์
3ประเทศญี่ปุ่น
ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีเทศกาลแห่ "กระปู๋" ยักษ์ประจำปี โดยนำกระปู๋ศักสิทธิ์มาทำความสะอาด
ที่บริเวณน้ำพุร้อน
ซึ่งมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนไหนที่อยากมีลูก ในตอนท้ายพิธีต้องทำการขึ้นขี่กระปู๋ศักสิทธิ์นี้ จะทำให้สมดังใจปรารถนาได้
ที่บริเวณน้ำพุร้อน
ซึ่งมีความเชื่อว่า ถ้าผู้หญิงคนไหนที่อยากมีลูก ในตอนท้ายพิธีต้องทำการขึ้นขี่กระปู๋ศักสิทธิ์นี้ จะทำให้สมดังใจปรารถนาได้
4ประเทศภูฏาน
ในประเทศภูฏานนั้นบริเวณหน้าบ้านเรือนจะมีการเขียนรูป "กระปู๋" ไว้เพื่อเป็นความเจริญรุ่งเรืองและช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้าย
นอกจากนี้ยังมีประเพณีการถือ "กระปู๋" เต้นระบอีกด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีประเพณีการถือ "กระปู๋" เต้นระบอีกด้วย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง
5.ประเทศไทย
บูชาปลัดขิก เป็นรูปจำลองอวัยวะเพศชาย มักทำด้วยไม้ ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง อ้ายขิก, ไอ้ขิก หรือ ขุนเพ็ด ก็เรียกปลัดขิกหรือขุนเพ็ดจัดเป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยมอีกอย่างหนึ่งของคนไทย
ปลัดขิกส่วนมากแกะสลักมาจากไม้ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคล หรือบางทีอาจทำจาก หิน ทองเหลือง ทองแดง กัลปังหา เขา งา เขี้ยว ของสัตว์ แกะสลักเป็นรูปร่างเหมือนอวัยวะเพศชายแต่ไม่มีหนังหุ้มปลายอวัยวะ มีขนาดต่าง ๆ กันและยาวพอเหมาะกับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง เมื่อทำการแกะสลักแล้วก่อนนำมาบูชาเป็นเครื่องรางของขลังจะต้องทำการปลุกเสกโดยผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์ หรือพระภิกษุ ซึ่งหากทำการปลุกเสกด้วยพระภิกษุเชื่อกันว่าจะได้รับพระพุทธคุณมาด้วย ในปัจจุบันจึงพบว่าปลัดขิกส่วนใหญ่มาจากการปลุกเสกของพระภิกษุ คนไทยส่วนใหญ่เชื่อกันว่าให้คุณแก่ผู้บูชา ส่วนชาวต่างชาติก็ทำเป็นของสะสม
ส่วนชื่อเรียก ปลัดขิก ไม่มีที่มาปรากฏชัดว่าเหตุใดจึงเรียกเช่นนั้น ส่วนคำว่า ปลัด หมายถึง ตำแหน่งรองจากตำแหน่งที่เหนือกว่าหรือสันนิษฐานว่าพ้องเสียงมาจากคำว่า ปราศวะ ในภาษาสันสกฤต แปลว่าเคียงข้าง เนื่องจากผู้บูชาปลัดขิกนิยมแขวนไว้ที่เอวหรือหากเป็นเด็กจะแขวนที่คอ เมื่อมีผู้พบเห็นแล้วเกิดหัวเราะเสียงดังคล้าย คิกๆคักๆ จึงอาจเพี้ยนมาเป็นปลัดขิก[