Translate

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันอาทิตย์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2560

ฮ่องเต้ “ตัดแขนเสื้อ” ที่มาตำนานรักชายรักชายของจีน

 ภาพฮั่นอายตี้และต่งเสียน ในเหตุการณ์ ‘ตัดแขนเสื้อ’ วาดโดยเฉินหงโซ่ว(陳洪綬) เมื่อ ค.ศ.๑๖๕๑ สมัยราชวงศ์ชิง
ฮ่องเต้ “ตัดแขนเสื้อ” ที่มาตำนานรักจีน
วันนี้มีเรื่องตำนานรักของจีน หรือจะเรียกว่าเป็นตำนานรักดอกเหมย ในจักรพรรดิยุคปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
(๒๐๒ ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ.๘) เกี่ยวกับความรักของ ฮ่องเต้ในสมัยนั้น พระนามว่า “ฮั่นอายตี้” (漢哀帝) หรือพระนามเดิมคือ “หลิวซิน” (劉欣) เป็นฮ่องเต้ที่มีการจารึกถึงเรื่องราวของ รักร่วมเพศ (ชายกับชาย) แม้พระองค์จะมีฮองเฮาสนมมากมาย แต่พระองค์กลับตกหลุมรักชายหนุ่มคนนามว่า “ต่งเสียน” ซึ่งอายุน้อยกว่าราว ๔ ปี จนเกือบทำบ้านเมืองล่ม

ฮ่องเต้ “ตัดแขนเสื้อ” ที่มาตำนานรักจีน
เรื่องราวนี้ถูกโพสต์โดยเพจ วิพากษ์ประวัติศาสตร์ เกี่ยกวับ ตำนานรักที่กลายมาเป็นสำนวนจีน ‘ต้วนซิ่วจือผี่ (斷袖之癖)’ แปลว่า ‘พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ’ ซึ่งมีความหมายเปรียบเปรยถึงคนรักร่วมเพศ เรื่องมีอยู่ว่า

“ฮั่นอายตี้” เป็นฮ่องเต้ซึ่งมีประวัติว่ารักร่วมเพศ ตกหลุมรักชายหนุ่มนามว่า “ต่งเสียน” (董賢) ที่เป็นเพียงมหาดเล็กรับใช้ในวัง แต่ต่อมาอายตี้เกิดไปพบเข้า จะเพราะว่าต่งเสียนมีหน้าตาหล่อเหลาอย่างไรไม่ทราบ เลยเกิดโปรดปรานขึ้นมาอย่างหนัก ไม่อาจหักห้ามพระทัยได้ ชนิดว่าให้ต่งเสียนคอยติดตามพระองค์ตลอดเวลาเหมือนเงาตามตัว ซึ่งตามกฎแล้วผู้ชายเข้าวังไม่ได้นอกจากจะเป็นขันที อายตี้เลยจัดการให้ต่งเสียนเป็น ‘ขันเทียม’ เพื่อมาอยู่ใกล้ชิดพระองค์ตลอดเวลา

ต่งเสียนเองก็ไม่ใช่ชายโสด มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน อายตี้ก็จัดแจงให้ภรรยาของต่งเสียนเข้ามาอยู่ในวังได้ แถมตั้งตำหนักให้อยู่ ต่งเสียนเห็นอายตี้โปรดปรานก็กำเริบเสิบสาน ก็ทำละลาบละล้วงกับสนมนางในทั้งหลาย
ซึ่งอายตี้เองก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะพระองค์เป็นเกย์ โปรดแต่จะเสพเมถุนกับต่งเสียนอย่างเดียว

อายตี้หลงต่งเสียนมาก พระองค์มีอะไรก็พร้อมทูนหัวทูนเกล้าถวายบำรุงชายชู้ของพระองค์อย่างหนัก เล่ากันมาว่า อายตี้กับต่งเสียนหลับนอนบนเตียงเดียวกันเสมอ (เรื่องการนอนเตียงเดียวกันของจีนในสมัยโบราณเป็นเรื่องปกติ เป็นการแสดงความสนิทสนมกัน ไม่จำเป็นว่าต้องรักร่วมเพศเสมอไป) วันหนึ่งอายตี้ตื่นบรรทมหลังจากนอนกลางวัน มองเห็นต่งเสียนนอนทับแขนเสื้อของพระองค์อยู่ ครั้นจะดึงออกก็กลัวชายสุดที่รักจะตื่นขึ้น พระองค์เลยจำต้องตัดแขนเสื้อของพระองค์ให้ต่งเสียนได้นอนหลับสบายต่อไป

นับแต่นั้นมาอำนาจของต่งเสียนก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น ต่งเสียนเรียกร้องอะไรอายตี้ก็ปรนเปรอทุกอย่าง เครือญาติของต่งเสียนล้วนได้รับราชการเป็นใหญ่เป็นโต
ต่งกง (董恭) บิดาของต่งเสียนได้ตำแหน่งเป็นกวนเน่ยโหว (關內侯) หรือพระยานคราภิบาล พ่อตาได้เป็นเสนาบดีโยธาธิการ น้องชายได้เป็นผู้บัญชาการกองทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ น้องสาวได้เป็นสนมตำแหน่งเจาอี๋ (昭儀) มีตำแหน่งรองจากฮองเฮาเท่านั้น

นอกจากนี้อายตี้ยังสร้างคฤหาสน์ที่ใหญ่โตพอๆ กับพระราชวังให้ต่งเสียนอยู่ พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์อีกจำนวนมาก แถมยังหาข้ออ้างตั้งต่งเสียนให้มียศเป็น เกาอันโหว(高安侯) หรือพระยาเมืองเกาอัน ด้วยการเอาความดีความชอบคนอื่นมาให้ต่งเสียน ขุนนางจำนวนมากเห็นอายตี้ปรนเปรอต่งเสียนมาจนผิดประเพณีก็ไม่พอใจ ต่างยื่นฎีกาฟ้องร้องจำนวนมาก กลับโดนอายตี้ลงโทษอย่างหนัก
ทั้งขังคุก ปลดจากตำแหน่ง หรือลงอาญาจนตาย

สุดท้ายอายตี้ก็แต่งตั้งให้ต่งเสียนขึ้นเป็น ต้าซือหม่า (大司馬) หรือสมุหพระกลาโหม ซึ่งเป็นยศหนึ่งในสามเสนาบดีสูงสุดสมัยราชวงศ์ฮั่นด้วยวัยเพียง ๒๒ ปีเท่านั้น โดยไม่ได้มีความชอบอย่างไรนอกจากการเป็นคู่นอนให้อายตี้ แถมในพระราชโองการแต่งตั้ง 
ราวกับอายตี้จะสละราชสมบัติให้ต่งเสียนอย่างไรอย่างนั้น

อำนาจวาสนาของต่งเสียนขึ้นถึงจุดสูงสุด คนในตระกูลต่างได้ขึ้นเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมามีอิทธิพลเหนือสกุลฝูและสุกลติงซึ่งเคยมีอิทธิพลในราชสำนักอยู่ก่อน แต่ไม่ถึงปี อายตี้ก็หมดเรี่ยวแรงสิ้นพระชนม์ไปด้วยวัยราว ๒๗ ปี ก่อนตายยังไม่วายบอกว่าจะสละราชบัลลังก์ให้ต่งเสียนอีก

เมื่ออายตี้สิ้น ต่งเสียนก็ไม่มีใครหนุนหลังอีก ไทเฮาดำเนินการฉับพลันก่อรัฐประหารยึดเอาตราพระราชลัญจกรมาได้ ออกพระราชโองการปลดต่งเสียนจากตำแหน่ง ยกตำแหน่งให้หวางหม่างหลานของพระองค์แทน (ภายหลังหวางหม่างมีอำนาจมากก็ล้มราชวงศ์ฮั่น ตั้งราชวงศ์ซินขึ้นแทนที่) ต่งเสียนหมดอำนาจวาสนาก็ชิงฆ่าตัวตายพร้อมภรรยาหนีความผิด ทรัพย์สินถูกยึดทั้งหมด บรรดาญาติมิตรที่เหลือไม่ตายก็ถูกเนรเทศ เป็นการปิดตำนานพิศวาสตัดแขนเสื้อในครั้งนี้

ที่มาข้อมูลและภาพ: เพจ วิพากษ์ประวัติศาสตร์,

รายการบล็อกของฉัน