ภาพฮั่นอายตี้และต่งเสียน ในเหตุการณ์ ‘ตัดแขนเสื้อ’ วาดโดยเฉินหงโซ่ว(陳洪綬) เมื่อ ค.ศ.๑๖๕๑ สมัยราชวงศ์ชิง |
ฮ่องเต้ “ตัดแขนเสื้อ” ที่มาตำนานรักจีน
วันนี้มีเรื่องตำนานรักของจีน หรือจะเรียกว่าเป็นตำนานรักดอกเหมย ในจักรพรรดิยุคปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
(๒๐๒ ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ.๘) เกี่ยวกับความรักของ ฮ่องเต้ในสมัยนั้น พระนามว่า “ฮั่นอายตี้” (漢哀帝) หรือพระนามเดิมคือ “หลิวซิน” (劉欣) เป็นฮ่องเต้ที่มีการจารึกถึงเรื่องราวของ รักร่วมเพศ (ชายกับชาย) แม้พระองค์จะมีฮองเฮาสนมมากมาย แต่พระองค์กลับตกหลุมรักชายหนุ่มคนนามว่า “ต่งเสียน” ซึ่งอายุน้อยกว่าราว ๔ ปี จนเกือบทำบ้านเมืองล่ม
(๒๐๒ ปีก่อนคริสต์ศักราช – ค.ศ.๘) เกี่ยวกับความรักของ ฮ่องเต้ในสมัยนั้น พระนามว่า “ฮั่นอายตี้” (漢哀帝) หรือพระนามเดิมคือ “หลิวซิน” (劉欣) เป็นฮ่องเต้ที่มีการจารึกถึงเรื่องราวของ รักร่วมเพศ (ชายกับชาย) แม้พระองค์จะมีฮองเฮาสนมมากมาย แต่พระองค์กลับตกหลุมรักชายหนุ่มคนนามว่า “ต่งเสียน” ซึ่งอายุน้อยกว่าราว ๔ ปี จนเกือบทำบ้านเมืองล่ม
ฮ่องเต้ “ตัดแขนเสื้อ” ที่มาตำนานรักจีน
เรื่องราวนี้ถูกโพสต์โดยเพจ วิพากษ์ประวัติศาสตร์ เกี่ยกวับ ตำนานรักที่กลายมาเป็นสำนวนจีน ‘ต้วนซิ่วจือผี่ (斷袖之癖)’ แปลว่า ‘พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ’ ซึ่งมีความหมายเปรียบเปรยถึงคนรักร่วมเพศ เรื่องมีอยู่ว่า
เรื่องราวนี้ถูกโพสต์โดยเพจ วิพากษ์ประวัติศาสตร์ เกี่ยกวับ ตำนานรักที่กลายมาเป็นสำนวนจีน ‘ต้วนซิ่วจือผี่ (斷袖之癖)’ แปลว่า ‘พิศวาสจนตัดแขนเสื้อ’ ซึ่งมีความหมายเปรียบเปรยถึงคนรักร่วมเพศ เรื่องมีอยู่ว่า
“ฮั่นอายตี้” เป็นฮ่องเต้ซึ่งมีประวัติว่ารักร่วมเพศ ตกหลุมรักชายหนุ่มนามว่า “ต่งเสียน” (董賢) ที่เป็นเพียงมหาดเล็กรับใช้ในวัง แต่ต่อมาอายตี้เกิดไปพบเข้า จะเพราะว่าต่งเสียนมีหน้าตาหล่อเหลาอย่างไรไม่ทราบ เลยเกิดโปรดปรานขึ้นมาอย่างหนัก ไม่อาจหักห้ามพระทัยได้ ชนิดว่าให้ต่งเสียนคอยติดตามพระองค์ตลอดเวลาเหมือนเงาตามตัว ซึ่งตามกฎแล้วผู้ชายเข้าวังไม่ได้นอกจากจะเป็นขันที อายตี้เลยจัดการให้ต่งเสียนเป็น ‘ขันเทียม’ เพื่อมาอยู่ใกล้ชิดพระองค์ตลอดเวลา
ต่งเสียนเองก็ไม่ใช่ชายโสด มีภรรยาเป็นตัวเป็นตน อายตี้ก็จัดแจงให้ภรรยาของต่งเสียนเข้ามาอยู่ในวังได้ แถมตั้งตำหนักให้อยู่ ต่งเสียนเห็นอายตี้โปรดปรานก็กำเริบเสิบสาน ก็ทำละลาบละล้วงกับสนมนางในทั้งหลาย
ซึ่งอายตี้เองก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะพระองค์เป็นเกย์ โปรดแต่จะเสพเมถุนกับต่งเสียนอย่างเดียว
ซึ่งอายตี้เองก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะพระองค์เป็นเกย์ โปรดแต่จะเสพเมถุนกับต่งเสียนอย่างเดียว
อายตี้หลงต่งเสียนมาก พระองค์มีอะไรก็พร้อมทูนหัวทูนเกล้าถวายบำรุงชายชู้ของพระองค์อย่างหนัก เล่ากันมาว่า อายตี้กับต่งเสียนหลับนอนบนเตียงเดียวกันเสมอ (เรื่องการนอนเตียงเดียวกันของจีนในสมัยโบราณเป็นเรื่องปกติ เป็นการแสดงความสนิทสนมกัน ไม่จำเป็นว่าต้องรักร่วมเพศเสมอไป) วันหนึ่งอายตี้ตื่นบรรทมหลังจากนอนกลางวัน มองเห็นต่งเสียนนอนทับแขนเสื้อของพระองค์อยู่ ครั้นจะดึงออกก็กลัวชายสุดที่รักจะตื่นขึ้น พระองค์เลยจำต้องตัดแขนเสื้อของพระองค์ให้ต่งเสียนได้นอนหลับสบายต่อไป
นับแต่นั้นมาอำนาจของต่งเสียนก็ยิ่งทวีเพิ่มมากขึ้น ต่งเสียนเรียกร้องอะไรอายตี้ก็ปรนเปรอทุกอย่าง เครือญาติของต่งเสียนล้วนได้รับราชการเป็นใหญ่เป็นโต
ต่งกง (董恭) บิดาของต่งเสียนได้ตำแหน่งเป็นกวนเน่ยโหว (關內侯) หรือพระยานคราภิบาล พ่อตาได้เป็นเสนาบดีโยธาธิการ น้องชายได้เป็นผู้บัญชาการกองทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ น้องสาวได้เป็นสนมตำแหน่งเจาอี๋ (昭儀) มีตำแหน่งรองจากฮองเฮาเท่านั้น
นอกจากนี้อายตี้ยังสร้างคฤหาสน์ที่ใหญ่โตพอๆ กับพระราชวังให้ต่งเสียนอยู่ พรั่งพร้อมด้วยทรัพย์อีกจำนวนมาก แถมยังหาข้ออ้างตั้งต่งเสียนให้มียศเป็น เกาอันโหว(高安侯) หรือพระยาเมืองเกาอัน ด้วยการเอาความดีความชอบคนอื่นมาให้ต่งเสียน ขุนนางจำนวนมากเห็นอายตี้ปรนเปรอต่งเสียนมาจนผิดประเพณีก็ไม่พอใจ ต่างยื่นฎีกาฟ้องร้องจำนวนมาก กลับโดนอายตี้ลงโทษอย่างหนัก
ทั้งขังคุก ปลดจากตำแหน่ง หรือลงอาญาจนตาย
สุดท้ายอายตี้ก็แต่งตั้งให้ต่งเสียนขึ้นเป็น ต้าซือหม่า (大司馬) หรือสมุหพระกลาโหม ซึ่งเป็นยศหนึ่งในสามเสนาบดีสูงสุดสมัยราชวงศ์ฮั่นด้วยวัยเพียง ๒๒ ปีเท่านั้น โดยไม่ได้มีความชอบอย่างไรนอกจากการเป็นคู่นอนให้อายตี้ แถมในพระราชโองการแต่งตั้ง
ราวกับอายตี้จะสละราชสมบัติให้ต่งเสียนอย่างไรอย่างนั้น
อำนาจวาสนาของต่งเสียนขึ้นถึงจุดสูงสุด คนในตระกูลต่างได้ขึ้นเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมามีอิทธิพลเหนือสกุลฝูและสุกลติงซึ่งเคยมีอิทธิพลในราชสำนักอยู่ก่อน แต่ไม่ถึงปี อายตี้ก็หมดเรี่ยวแรงสิ้นพระชนม์ไปด้วยวัยราว ๒๗ ปี ก่อนตายยังไม่วายบอกว่าจะสละราชบัลลังก์ให้ต่งเสียนอีก
เมื่ออายตี้สิ้น ต่งเสียนก็ไม่มีใครหนุนหลังอีก ไทเฮาดำเนินการฉับพลันก่อรัฐประหารยึดเอาตราพระราชลัญจกรมาได้ ออกพระราชโองการปลดต่งเสียนจากตำแหน่ง ยกตำแหน่งให้หวางหม่างหลานของพระองค์แทน (ภายหลังหวางหม่างมีอำนาจมากก็ล้มราชวงศ์ฮั่น ตั้งราชวงศ์ซินขึ้นแทนที่) ต่งเสียนหมดอำนาจวาสนาก็ชิงฆ่าตัวตายพร้อมภรรยาหนีความผิด ทรัพย์สินถูกยึดทั้งหมด บรรดาญาติมิตรที่เหลือไม่ตายก็ถูกเนรเทศ เป็นการปิดตำนานพิศวาสตัดแขนเสื้อในครั้งนี้
ที่มาข้อมูลและภาพ: เพจ วิพากษ์ประวัติศาสตร์,