Translate

บทความที่ได้รับความนิยม

Wikipedia

ผลการค้นหา

วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ลึงค์เล็ก-ลึงค์ใหญ่ใครว่าไม่สำคัญ


สาวรายหนึ่งใช้นิ้วชี้ไปที่รูปปั้นเทพเอรีส เทพเจ้าแห่งสงครามของกรีก ระหว่างเข้าชมนิทรรศการแสดงศิลปะกรีกจากพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในมาเก๊าเมื่อปี 2008

ผู้เขียนพล อิฎฐารมณ์
เผยแพร่วันพุธที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2559
แม้นักวิจัยมักจะบอกว่า ไม่มีหลักฐานใดๆ ยืนยันได้ว่า ขนาด “ลึงค์” ของผู้ชายมีผลต่อความสุขสมในการร่วมเพศของผู้หญิง แต่ช่างหัวนักวิจัยปะไร เพราะผู้หญิงสมัยนี้ส่วนหนึ่งบอกเลยว่า ลึงค์ใหญ่นั้นดีกว่าลึงค์เล็กแน่ๆ หากพวกเธอคิดจะหาความสุขทางเพศแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น

นี่ไม่ใช่การพูดเอามันแต่มันมีงานวิจัยรองรับ เป็นงานที่เผยแพร่เมื่อปี 20151 ซึ่งทำการทดลองกับสาวๆ 75 ราย เพื่อสอบถามขนาดลึงค์ที่ถูกใจพวกเธอ โดยใช้ลึงค์จำลองแบบสามมิติมาเป็นอุปกรณ์ตัวอย่างในการสอบถามเป็นครั้งแรก (หลังจากที่งานทดลองที่ผ่านๆ มา มักใช้แต่ภาพ 2 มิติ) พบว่า กลุ่มตัวอย่างโดยเฉลี่ยแล้วนิยมลึงค์ขนาด 6.3 นิ้ว เส้นรอบวง 4.8 นิ้ว สำหรับคู่ที่เธอหวังจะคบระยะยาว แต่ถ้าพวกเธอหวังสนุกชั่วข้ามคืน ก็จะเพิ่มขนาดขึ้นมาอีกหน่อยเป็น 6.4 นิ้ว กับเส้นรอบวงสัก 5 นิ้ว

แต่อนิจจาสาวๆ เหล่านี้คงต้องผิดหวังซะแล้ว เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มีขนาดลึงค์ที่แข็งตัวโดยเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 5.16 นิ้วเท่านั้น จากข้อมูลของงานวิจัยที่ใช้ข้อมูลจากชายหนุ่มรอบโลกจำนวน 15,521 คน2 ฉะนั้น ไม่ว่าสาวๆ จะมองหาหนุ่มๆ เพื่อความสำราญชั่วคราว หรือจะหาคู่ชีวิตก็คงต้องลดความคาดหวังลงมาสักหน่อย

อย่างไรก็ดี ค่านิยมของผู้หญิง 75 คน ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่หาได้แถวๆ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย คงไม่อาจใช้เป็นบรรทัดฐานได้ว่า สาวๆ จากมุมโลกอื่นๆ จะเห็นเหมือนๆ กัน เพราะแต่ละสังคมก็คงมีค่านิยมที่ต่างกันไป อย่างในโลกตะวันออกถ้าใครมาทำการทดลองแบบนี้ ก็คงถูกด่าว่าไร้สาระไม่มีอะไรจะทำไปแล้ว

เช่นเดียวกัน หากเรามองย้อนกลับไปยังสังคมในอดีตเช่น สังคมกรีกโบราณ ถ้าพวกเขาได้เห็นงานวิจัยที่ว่า ก็คงรับไม่ได้กับผลสรุปของมัน เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว ผู้ชายลึงค์เล็กนั้นน่ารักน่าปรารถนากว่าผู้ชายลึงค์ใหญ่เป็นไหนๆ 
(แต่อันนี้อาจจะเป็นความปรารถนาระหว่างผู้ชายกับผู้ชายด้วยกันเองก็เป็นได้ เพราะต้องไม่ลืมว่า ชาวกรีกมองสัมพันธ์ทางเพศระหว่างชายหนุ่มกับเด็กชายวัยรุ่นอายุน้อยกว่าเป็นเรื่องปกติ)

ค่านิยมของชาวกรีกสะท้อนให้เห็นจากงานศิลปะของพวกเขา ที่บรรดาฮีโร่และเทพเจ้าส่วนใหญ่แล้วจะมีอวัยวะเพศขนาดกะทัดรัดด้วยกันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นซุส โพเซดอน อะพอลโล หรือเอรีส
แม้กระทั่งเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ซึ่งจริงๆ ก็มีอยู่หลายองค์ แต่ถ้าเป็นเทพผู้ชายอย่างไดโอนิซุส ก็ยังมีลึงค์ขนาดเล็กเช่นกัน ต่างไปจากกลุ่มความเชื่ออื่นๆ ที่เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์มักจะถูกเชื่อมโยงกับการมีลึงค์ขนาดใหญ่กันทั้งนั้น
ขณะเดียวกันในศิลปะกรีกก็มีเทพ หรืออมุษย์ที่มีลึงค์ขนาดมหึมากับเขาด้วย แต่เทพและอมุษย์พวกนี้มักถูกมองด้วยสายตาหยามหมิ่นว่าต่ำชั้น อย่างเซเทอร์ (Satyr) อมนุษย์ครึ่งคนครึ่งแพะ (หรือม้า) บริวารของเทพไดโอนิซุส ซึ่งมักปรากฏกายด้วยลึงค์ที่ตั้งตรงตลอดเวลา มักมีหน้าน่าเกลียด และเป็นพวกมักมากในกาม
เทพพริอาพุส (Fer.filol, via Wikimedia Commons)
เทพอีกองค์ที่มีลึงค์แข็งตัวตลอดเวลาก็คือ พริอาพุส  (Priapus) เทพบุตรที่มีความเชื่อมโยงกับความอุดมสมบูรณ์อีกองค์ เป็นบุตรของอะโฟรไดตี (Aphrodite) หรือวีนัสของโรมัน แต่พ่อของท่านมีเทพเป็นแคนดิเดตอยู่หลายองค์แล้วแต่แหล่งข้อมูล ส่วนเหตุที่ พริอาพุส มีหน้าตาน่าเกลียด จิตใจหยาบโลน พร้อมกับลึงค์ขนาดใหญ่ตั้งตรงตลอดเวลาก็เพราะว่าท่านถูกสาปแช่งตั้งแต่ยังไม่เกิดโดยเฮรา (Hera) ภรรยาของซุส ซึ่งไม่พอใจที่ปารีสไปโหวตให้อะโฟรไดตี เป็นเทพีที่สวยที่สุดในจักรภพ
เรื่องนี้ แอนดรูว์ เลียร์ (Andrew Lear) ศาสตราจารย์สาขาคลาสสิค ที่สอนอยู่ในหลายสถาบันดัง เช่น ฮาร์วาร์ด โคลัมเบีย และนิวยอร์กยูนิเวอร์ซิตี บอกว่า “พวกกรีกมักจะเชื่อมโยงชายผู้มีลึงค์ขนาดเล็กและไม่แข็งตัว กับความพอดี ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณลักษณะสำคัญของความเป็นชายในอุดมคติของพวกเขา”3
ขณะที่พวกมักมาก ขาดสติ ไม่รู้จักใช้เหตุผล หรือพวกขี้เมา แก่ น่าเกลียดน่ากลัว ก็มักจะถูกนำไปเชื่อมโยงกับการมีลึงค์ขนาดใหญ่ เหมือนพวกเซเทอร์ หรือ พริอาพุส นั่นเอง

แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อว่า ลึงค์ใหญ่จะทำให้สาวมีความสุขมากกว่า หรือจะเป็นความเชื่อที่ว่า คนลึงค์ใหญ่เป็นพวกมักมาก ไม่มีศีลธรรม หรือไม่รู้จักใช้เหตุผล ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงมายาคติที่ไม่มีข้อพิสูจน์บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงทั้งสิ้น

และอีกสิ่งที่อย่างจะฝากไว้สำหรับคนที่มองเรื่องของลึงค์เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจไม่สมควรจะเอามาพูดว่า จริงๆ แล้วเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องทะลึ่ง ตลกโปกฮา เท่านั้น แต่ฝรั่งเขาศึกษากันจริงจัง เพื่อเข้าใจสังคมมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นสังคมในยุคอดีตหรือปัจจุบัน ซึ่งในปัจจุบันเอง ความกังวลเรื่องขนาดก็ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อชายลึงค์เล็กเป็นอย่างมาก จนนำไปสู่การขาดความมั่นใจ และสมรรถภาพทางเพศ เรื่อยไปถึงความกังวลที่เริ่มต้นความสัมพันธ์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพใหญ่ของสังคมได้เช่นกัน

รายการบล็อกของฉัน