อลิซาเบธ บาโธรี่ สมญานามว่าThe Bloody Countess และ Countess Dracula ผู้หญิงที่โหดที่สุดในโลก |
อลิซาเบธ บาโธรี่!!! ผู้หญิงที่โหดที่สุดในโลก
อลิซาเบธ บาโธรี่ เป็นหญิงสาวที่มีความเชื่อในเรื่องชีวิตที่เป็นอมตะ
และต้องการคงร่างของตนเองให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอเธอมีความคิดวิปริตว่า หากได้อาบเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์แล้ว
จะทำให้ตนเองดูอ่อนเยาว์ได้ตลอดไป
และต้องการคงร่างของตนเองให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอเธอมีความคิดวิปริตว่า หากได้อาบเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์แล้ว
จะทำให้ตนเองดูอ่อนเยาว์ได้ตลอดไป
เธอจึงสั่งให้คนรับใช้ไปเอาร่างของหญิงสาวบริสุทธิ์มากรีดเอาเลือดใส่อ่างด้วยเครื่องไอรอน เมเดน (Iron maiden)
แล้วอาบต่างน้ำโดยมีเหยื่อที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับเธอไปไม่น้อยกว่า 600 คน
กว่าที่เธอจะถูกคนจับไปขังในคุกมืดจนตาย เธอได้รับสมญานามว่าThe Bloody Countess
และ Countess Dracula
แล้วอาบต่างน้ำโดยมีเหยื่อที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับเธอไปไม่น้อยกว่า 600 คน
กว่าที่เธอจะถูกคนจับไปขังในคุกมืดจนตาย เธอได้รับสมญานามว่าThe Bloody Countess
และ Countess Dracula
อลิซาเบธ เกิดในปี ค.ศ. 1560 ถึงค.ศ 1614
ในปราสาทเชิงเขาคาร์เทียนใกล้ๆ กับแคว้นทรานซิลวาเนียสืบเชื้อสายมาจากตระกูลแฮบสเบิร์กอันเก่าแก่ของยุโรปตระกูลบาโธรี่ร่ำรวยและมีอำนาจล้นฟ้าปกครองแคว้นทรานซิลวาเนียมาหลายสมัย
เป็นธรรมดาของตระกูลเก่าแก่ที่มีการแต่งงานกันเองในหมู่ญาติเพื่อรักษา
ทรัพย์สมบัติและอำนาจเอาไว้ ทำให้ผู้สืบสายเลือดตระกูลนี้จำนวนมากมีอาการบกพร่องทางจิตอันเนื่องมาจากลักษณะทางพันธุกรรมเป็นต้นว่าโรคฮิสทีเรีย พฤติกรรมรักร่วมเพศ สาวกลัทธิบูชาปีศาจ ผู้มักมากในกาม
ทรัพย์สมบัติและอำนาจเอาไว้ ทำให้ผู้สืบสายเลือดตระกูลนี้จำนวนมากมีอาการบกพร่องทางจิตอันเนื่องมาจากลักษณะทางพันธุกรรมเป็นต้นว่าโรคฮิสทีเรีย พฤติกรรมรักร่วมเพศ สาวกลัทธิบูชาปีศาจ ผู้มักมากในกาม
อลิซาเบธก็เช่นเดียวกัน
อลิซาเบธมีอาการป่วยเป็นโรคปวดหัวเรื้อรังจนตลอดชีวิตของเธอ
มีการกล่าวว่าในสมัยเด็กเธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงถึงขั้นกัดเนื้อหลุดออกมาจากไหล่ของสาวใช้ที่เข้ามาพยาบาลและเมื่ออลิซาเบธได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้นั่นเอง
มีการกล่าวว่าในสมัยเด็กเธอเกิดอาการปวดหัวอย่างรุนแรงถึงขั้นกัดเนื้อหลุดออกมาจากไหล่ของสาวใช้ที่เข้ามาพยาบาลและเมื่ออลิซาเบธได้ยินเสียงกรีดร้องของสาวใช้นั่นเอง
น่าแปลกที่อาการปวดหัวของเธอกลับหายเป็นปลิดทิ้งนับแต่นั้นมาทุกครั้งที่เอลิซาเบธเกิดอาการปวดหัวเธอก็จะทรมานสาวใช้เพื่อให้เสียงร้องเหล่านั้นเป็นยาระงับอาการของเธอ
ปีค.ศ 1575 เมื่ออลิซาเบธอายุ 15 ปี เธอก็แต่งงานกับท่านเคานท์ฟีเรนซ์ นาดาสดี้
ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า 11 ปี ทั้งสองย้ายที่อยู่ไปยังปราสาทเซติซ
ในสโลวาเกีย แต่ฟีเรนซ์มักจะไปออกรบตามที่ต่างๆไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท
ชีวิตสมรสของอลิซาเบธจึงไม่หวานชื่นเท่าใดนัก
ปีค.ศ 1600 อลิซาเบธอายุ 40 ปี ฟีเรนซ์เสียชีวิตไปด้วยอายุ 51 ปีทิ้งสมบัติและอำนาจทุกอย่างไว้ในมือของเคานท์เตสสวันหนึ่งขณะสาวใช้กำลังสางผมให้กับอลิซาเบธ คงเพราะเกร็งจึงออก
แรงมากไปดึงผมหลุดติดหวีมาหลายเส้น
ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อายุมากกว่า 11 ปี ทั้งสองย้ายที่อยู่ไปยังปราสาทเซติซ
ในสโลวาเกีย แต่ฟีเรนซ์มักจะไปออกรบตามที่ต่างๆไม่ค่อยอยู่ติดปราสาท
ชีวิตสมรสของอลิซาเบธจึงไม่หวานชื่นเท่าใดนัก
ปีค.ศ 1600 อลิซาเบธอายุ 40 ปี ฟีเรนซ์เสียชีวิตไปด้วยอายุ 51 ปีทิ้งสมบัติและอำนาจทุกอย่างไว้ในมือของเคานท์เตสสวันหนึ่งขณะสาวใช้กำลังสางผมให้กับอลิซาเบธ คงเพราะเกร็งจึงออก
แรงมากไปดึงผมหลุดติดหวีมาหลายเส้น
อลิซาเบธระเบิดอารมณ์ทันที
เธอใช้เชิงเทียนที่อยู่ใกล้มือทุบเด็กสาวอย่างไม่ยั้งมือจนกระทั่งอีกฝ่ายสิ้นลมหายใจแล้วก็ยังทุบต่อเสียจนหนำใจและเมื่ออลิซาเบธวางมือจากเชิงเทียนก็พบว่ามีเลือดติดอยู่ที่มือ
พอเช็ดออกเธอเห็นว่าผิวหนังส่วนนั้นกลับดูเต่งตึงมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าก่อน
เลือดของเด็กสาวนี่เองที่เป็นยาอายุวัฒนะที่ได้ผลชะงัดที่สุด (เข้าใจผิดไปเอง)
ด้วยเหตุนี้โศกนาฏกรรมการฆ่าสังหารเด็กสาวกว่า 600 คนเพื่อประทังความงามของอลิซาเบธ บาโธรี่จึงเริ่มต้นขึ้น เอ ลิซาเบธเริ่มทำการรวบรวมเด็กสาวจากที่ต่างๆในดินแดนของตน ชาวบ้านที่ยากจน ต่างก็ยินดีที่จะส่งลูกสาวเข้ามาทำงานในปราสาท เพียงเพื่อ แลกกับเสื้อผ้าไม่กี่ชุด
พอเช็ดออกเธอเห็นว่าผิวหนังส่วนนั้นกลับดูเต่งตึงมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าก่อน
เลือดของเด็กสาวนี่เองที่เป็นยาอายุวัฒนะที่ได้ผลชะงัดที่สุด (เข้าใจผิดไปเอง)
ด้วยเหตุนี้โศกนาฏกรรมการฆ่าสังหารเด็กสาวกว่า 600 คนเพื่อประทังความงามของอลิซาเบธ บาโธรี่จึงเริ่มต้นขึ้น เอ ลิซาเบธเริ่มทำการรวบรวมเด็กสาวจากที่ต่างๆในดินแดนของตน ชาวบ้านที่ยากจน ต่างก็ยินดีที่จะส่งลูกสาวเข้ามาทำงานในปราสาท เพียงเพื่อ แลกกับเสื้อผ้าไม่กี่ชุด
เหล่าเด็กสาวพากันลอดประตูปราสาทเข้ามา ด้วยใบหน้าร่าเริงราวกับจะไปปิคนิค แต่ไม่มีใครที่รอดกลับมาได้ พวกเธอถูกคั้นเลือดออกมาจนหยดสุดท้ายแล้วถูก ฝังไว้ในสวนหลังปราสาท โดยที่ พ่อแม่พี่น้องไม่มีโอกาสจะทราบถึงวิธีการทรมานของอลิซาเบธ ที่ยกระดับการ ทรมานยิ่งกว่าเก่ามีทั้งการใช้เหล็กร้อนเผาลำคอ ใช้เครื่องทรมานบีบหน้าอก บางครั้งเธอก็ใช้มือทั้งสองของตัวเองล้วงเข้าไปในปาก แล้วฉีกร่างของเหยื่อ ออกเป็นสองซีก เด็กสาวบางคนที่พยายามจะหนีถูกตัดเท้าทิ้ง
มีบันทึกกล่าว ถึงงานฉลองที่อลิซาเบธจัดขึ้น
สร้างสรรค์ อิสระเสรีภาพ
รวบรวมค้นหาสินค้าดีๆเพื่อคุณ
เธอได้รวบรวมเด็กสาวหน้าตาดีจำนวน 60 คนมางานเลี้ยง คนแคระพากันเต้นรำแม่มดก็พ่นไฟ เมื่องานเลี้ยงดำเนินมาถึงจุดสูงสุดนั่นเอง ประตูถูกปิดตายและทหารก็กรูกัน เข้ามา เด็กสาวที่พากันหนีลนลานบ้างก็ถูกข่มขืน แล้วแทงด้วยมีดที่กลางอก บ้างก็ถูกตัดหัว บ้างก็ถูกตัดแขนตัดขาและเสียเลือดมาก จนสิ้นลม ศพและชิ้นส่วนต่างๆถูกรวบรวมมากรองเลือดใส่อ่าง
และอลิซาเบธก็เปลื้องผ้า ของตนลงแช่ในอ่างเลือดนี่เอง แต่การรอให้เลือดเต็มอ่างก็ยังไม่ทันใจเธอ อยู่ดี อลิซาเบธจึงทดลองวิธีที่เร็วกว่าด้วย การปาดคอเด็กสาวให้เลือดกระฉูดออกมา ใส่ตนเองเหมือนกับฝักบัวเลือด แต่เนื่องจากเหยื่อกรีดร้องน่ารำคาญ เด็กสาวคนที่สองจึงถูกเย็บปากเพื่อรักษา สุขภาพหูของอลิซาเบธ
อีกสิ่ง หนึ่งที่อลิซาเบธทิ้งไว้ในประวัติศาสตร์โลก ก็คือเครื่องมือทรมานที่มีชื่อ เสียงที่สุดชิ้นหนึ่งชื่อว่า Iron Maiden ช่างทำนาฬิกาถูกเรียกตัวมาจากเยอรมันเพื่อการนี้โดยเฉพาะ มีการบรรยาย เกี่ยวกับเครื่องทรมานไว้ดังนี้
"ตุ๊กตาเหล็กนี้มีรูปร่างเป็นร่างเปลือยทาสีเนื้อ ส่วนใบหน้ามีการแต้มเครื่องสำอาง เมื่อกลไกขยับปากก็จะปรากฏรอย ยิ้มอันเลื่อนลอยดุดันขึ้นบนใบหน้า ที่อกมีพลอยประดับอยู่เป็นปุ่ม เมื่อกดปุ่มตุ๊กตาก็จะค่อยๆยกแขนขึ้น จากนั้นแขนก็จะเคลื่อนมากอดอก คนที่อยู่ในระยะรัศมีจะถูกแขนของตุ๊กตา กอดไว้ พร้อมกันนั้นส่วนตัวด้านหน้าก็จะเปิดออกเป็นบานประตู
ภายในเป็นช่องกลวงและ ด้านหลังบานประตูมีเข็มแหลมยาวงอกอยู่ 5 เล่ม ผู้ที่ถูกตุ๊กตากอดไว้จะถูกขังอยู่ภายในตัวตุ๊กตาและถูกเข็มเหล่านี้แทง คั้นเลือดออกมาจนเสียชีวิต"